Tangled in bed were two bodies
Twined were thin sheet and threads of destiny
Sweet were words those sensual lips whispered
Sweeter still the taste and truth of irony
—Trapped —
From a monster to a monster
ดวงทิวาเลื่อนเยือนขอบฟ้า แสงทองประดับประดาสรวงสวรรค์อันไร้ขอบเขตเมื่อบุปผาแห่งรัตติกาลโรยร่วงดังคณิกาโดนทิ้งทอด อรุณมาเยือนพร้อมกับสัมผัสที่อบอุ่นแทรกอณูผ่านผืนผ้าม่านสีสด…อย่างเงียบงัน ความอบอุ่นนั้นเคลื่อนไล้ดุจนิ้วมือของคนรัก…เลื่อนสัมผัสลงบนผิวเปลือยเปล่าที่ซุกซ่อนใต้อ้อมกอดของผ้าห่ม สายลมฤดูใบไม้ร่วงแวะเวียนมา…เคาะร้องเรียกที่บานกระจกหน้าต่าง กระจกใสสะท้อนสีครามของฟากฟ้า และแม้ว่าความฝันของเหล่าผู้หลับใหลจะสุกสว่าง รุ่งอรุณนั้นกลับสว่างสดใสยิ่งกว่าความฝันที่ใกล้จะจางหาย…
อย่างเงียบเชียบ ปลายนิ้วอุ่นของตะวันทาบลงบนผิวกาย ขับไล่ความหนาวเย็นของค่ำคืนก่อนหน้า ความอบอุ่นแสนอ่อนโยนและแสงอันสว่างคืนชีวิตชีวาให้กับภาพก่อนหน้าที่ถูกซุกซ่อน
[สีขาวและสีดำ] ที่ตัดกันอย่างสมบูรณ์
แรกสุดคือเรือนผม หนึ่งคือสั้นไร้ระเบียบ อีกหนึ่งยาวและนุ่มนวล หนึ่งดำสนิทดังเพลาแห่งนิทรา อีกหนึ่งสีดุจแสงจันทราอันยวนเย้า ถัดต่อมาคือผิวกาย หนึ่งสีแทนดังเปลวตะวันพร่ำจุมพิตเบียดแนบชิดกับสีสันอันซีดขาว แผ่นอกแกร่งแนบชิดแผ่นหลังนวล สองแขนตระกองกอดร่างตรงหน้า หากมองภาพนี้แล้ว…มันอาจจะลวงหลอกราวกับฝันก่อนตื่นจากนิทรา ลวงหลอกว่าคนสองคนคือคู่รักในมายาที่หวานล้ำ ลวงไป…ว่าประวัติที่มาของภาพคือฝันร้ายที่สุด…ความฝันอันดำมืดที่เต็มไปด้วยเลือดและความตาย
ทว่าฝันอันงดงามก็มีวันสิ้นสุดลง ความฝันสุกสว่างผุพังแตกสลาย ไอแดดยามเช้าปลุกร่างหนึ่งให้ตื่นจากนิทราฝัน เมื่อความอบอุ่นนั้นเรียกให้นัยน์ตาสีดำสนิทลืมเปิดจากความมืดใต้เปลือกตา นัยน์ตาที่เคยเพียงแต่มองจ้องเข้าไปในความมืดมิดบัดนี้จับจ้องที่เรือนร่างในอ้อมแขน นี่คือ… [สัตว์ประหลาดไร้นาม] ที่เขาตามหามาตลอดหลายปี…
อสุรกายที่งดงามและเหี้ยมโหด ผู้ซึ่งไร้นามกรที่จะเรียกขานใน [โลกใบนั้น]
นิ้วยาวแตะเบาๆลงบนต้นคอของร่างที่หลับใหล คอเพรียวระหงที่ดูบอบบางจนราวกับสามารถจะหักทิ้งได้ราวกับแขนของทารก [สุนัขล่าเนื้อ] หรี่ตาลง ปล่อยให้ปลายนิ้วของตัวเองเลื่อนไล้ไปตามรอยช้ำที่ตัวเขาเองได้ทำไว้ ในตอนนั้นเอง เขาก็รู้สึกได้ถึงรสชาติอันขมฝาดของเรื่องตลกเสียดสีที่ร้ายกาจที่สุด