[แปล] Touken Ranbu – ประวัติดาบ: Mutsu no Kami Yoshiyuki

แปลจาก: http://yue-ciel.tumblr.com/post/118798614716/mutsunokami-yoshiyuki

มุทสึโนะคามิถูกตีขึ้นในช่วงต้นเอโดะ (1650-1710) โดยช่างโมริชิตะ เฮย์สึเกะ และเป็นสมบัติที่สืบทอดกันมาในตระกูลของซาคาโมโตะ เรียวมะ (1835-1867) ซาคาโมโตะเป็นบุคคลสำคัญในยุคบาคามัทสึ เขาเกิดที่โทสะ (จังหวัดโคจิในปัจจุบัน) ในตระกูลพ่อค้าซามูไรซึ่งเป็นชนชั้นล่างสุดของระบบซามูไร ในวัยเยาว์ เขาเป็นผู้ชื่นชอบวิชาดาบ จนกระทั่งเมื่อเรือสีดำของอเมริกันเข้ามาปิดล้อมและบังคับให้ญี่ปุ่นเปิดท่าเรือให้ ชีวิตของซาคาโมโตะก็ได้เปลี่ยนไปตลอดกาล ในยุคของความสับสนวุ่นวายจากการคุกคามของต่างชาติซึ่งทำให้นโนบายปิดประเทศเป็นระยะเวลาหลายศตวรรษของญี่ปุ่นต้องจบสิ้นลง แนวคิดหนึ่งคือ มิโตะกาคุ ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นฐานความเชื่อของชินโตและขงจื๊อก็ได้กระจายความรู้สึกต่อต้านต่างชาติออกไปในรูปแบบของขบวนการซนโนะโจอิ (เคารพจักรพรรดิ ขับไล่คนเถื่อน) การตอบรับต่อหน้าที่อันทรงเกียรติและต่อสู้เพื่อจุดประสงค์อันสูงสุดโดยไม่ขึ้นกับชนชั้น ความเห็นอกเห็นใจในวงศ์ตระกูลหรือความรับผิดชอบตามธรรมเนียมประเพณีคือหลักคติของเหล่าผู้เข้าร่วมขบวนการนี้ การตีความว่าด้วย “ความพยายามทำเพื่อหน้าที่อันสูงสุด” เป็นสิ่งที่ดึงดูดบุคคลที่มีฐานะกระจ้อยร่อยเช่นซาคาโมโตะ ในฐานะบุตรคนรองจากตระกูลพ่อค้าซามูไร เขาถูกจองจำกัดบทบาทเอาไว้แต่เพียงหน้าที่ตรมประเพณีจนกระทั่งแนวคิดเขิงปฏิรูปนี้ได้เข้ามา

ด้วยเหตุผลนี้ ซาคาโมโตะออกจากตระกูลในโทสะเพื่อที่จะได้ทำอะไรสักอย่างเพื่อญี่ปุ่นทั้งประเทศที่เอโดะ แม้ว่าตระกูลของเขาอาจจะถูกคาดโทษจากการที่เขาออกจากพื้นที่โดยไม่ได้รับอนุญาตตามหลักสังคมศักดินา ในเรื่องเล่าแบบเพิ่มอรรถรสที่เป็นที่นิยม ว่ากันว่า พี่สาวของซาคาโมโตะช่วยให้เขาหนีออกมา และมอบมุทสึโนะคามิให้เป็นของขวัญก่อนจากเพื่อให้ซาคาโมโตะได้เดินทางโดยมีดาบไปด้วย แม้จะรู้ว่าตัวเองจะต้องฆ่าตัวตายเพื่อชดใช้ที่ช่วยเหลือให้เขาหนีออกไป

ในช่วงแรกเริ่มของการเป็นโรนินซนโนะโจอิผู้ต่อต้านบาฟุคุในเอโดะ ซาคาโมโตะเคยพยายามสังหารผู้ตรวจการแห่งกองเรือโทคุกาวะ คัทสึ ไคชู เนื่องจากผู้การดังกล่าวเรียกร้องให้มีการเปิดประเทศเพื่อการค้า อย่างไรก็ดี คัทสึได้กล่อมเขาจนสำเร็จด้วยความคิดเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงให้ทันสมัยตามแบบอย่างตะวันตก ซึ่งทำให้ซาคาโมโตะสนใจมาตลอดตั้งแต่ญี่ปุ่นเปิดรับอารยธรรมตะวันตกในช่วงแรกๆ เขาจึงได้มาทำงานเป็นผู้ช่วยของคัทสึและรับเอากฎหมายและความคิดพื้นฐานแบบตะวันตกเข้ามา ซึ่งต่อมาได้ให้กำเนิดบริษัทคาเมะยามะ บริษัทญี่ปุ่นแบบทันสมัยบรัษัทแรก ซึ่งต่อมาได้พัฒนามาเป็นทัพเรือทันสมัยนาม ไคเอ็นไต

ในฐานะผู้ต่อต้านบาฟุคุ ซาคาโมโตะต้องคอยหลบซ่อนจากกองกำลังของโทคุกาวะ เช่น พวกชินเซ็นกุมิ เขาชื่นชอบอาวุธแบบใหม่เช่นปืนมากกว่าดาบในการป้องกันตัว แต่ก็ยังพกพามุทสึโนะคามิเอาไว้เสมอยามเดินเต็ดเตร่ตามถนนหนทางของกรุงเอโดะ แม้ว่าเจ้าตัวจะมีความสามารถมากกว่าในฐานะนักการเมืองและนักธุรกิจ แต่จิตวิญญาณแห่งซามูไรยังมีชีวิตอยู่ในตัวเขา ทำให้เขาสานฝันต่อในฐานะนักดาบผู้ชาญฉลาดและกล้าหาญ โดยสละความรู้สึกส่วนตัว เพื่อต่อสู้เพื่อจุดประสงค์อันทรงเกียรติที่อาจปฏิวัติโลกทั้งใบรอบตัวเขาได้ นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมมุทสึโนะคามิจึงดูร่าเริงในฐานะดาบของซาคาโมโตะ แม้ว่าเจ้านายของตัวจะมีความคิดว่ายุคสมัยแห่งดาบนั้นจบสิ้นลงแล้ว และปืนเป็นอาวุธที่ดีกว่า

ซาคาโมโตะมักทำงานคนเดียวโดยไม่มีอิทธิพลจากคำสั่งเหนือหัว ซื่อตรงกับความเชื่อในการปฏิรูปประเทศของตัวเองโดยไม่ต้องการชื่อเสียงหรือผลประโยชน์ส่วนตัว

บทบาทที่สำคัญที่สุดของซาคาโมโตะอยู่ในช่วงการฟื้นฟูเมจิ คือการทำให้ตระกูลซัทสึมะและโจชูซึ่งเป็นสองตระกูลมีอำนาจมากและไม่ถูกกันได้เข้ามาร่วมเป็นพันธมิตรกันเพื่อล้มล้างบาคุฟุ คืนหนึ่งหลังจากการตกลงเป็นพันธมิตรของซัทสึมะและโจชู เรียวมะต้องฝ่าออกจากเทระดะยะโดยใช้ปืน Smith & Wesson แบบเดียวกับที่มุทสึโนะคามิถือโดยมีตำรวจบาคุฟุไล่ตามมา ในปี 1867 ซาคาโมโตะร่างแผนแปดข้อในการฟื้นฟูราชวงศ์และการปกครอง แต่เขาถูกลอบสังหารในปีเดียวกันระหว่างที่ไม่ทันระวังตัว และไม่ได้อยู่เห็นโลกที่เขาได้วาดฝันไว้ของจุดจบระบบศักดินาและการพัฒนาให้ทันสมัยอย่างรวดเร็วของญี่ปุ่นในสองปีหลังจากนั้น ซึ่งเราจะเห็นได้จากบทพูดตอนที่มุทสึโนะคามิหักเกี่ยวกับความเสียใจที่ไม่ได้เห็นยุคสมัยใหม่เริ่มต้น

ระหว่างที่ถูกลอบสังหาร ซาคาโมโตะเอื้อมไปคว้ามุทสึโนะคามิแทนที่ปืนด้วยความชินมือเพื่อป้องกันตัวเอง แต่คนร้ายฟันผ่านปลอกดาบเข้าไปก่อนเขาจะชักดาบได้ ซาคาโมโตะถือมุทสึโนะคามิไว้เป็นดาบพิทักษ์ตัวจนกระทั่งวาระสุดท้าย

Leave a comment